สำหรับช่วงนี้ในแวดวงการลงทุน คงจะได้ยินข่าว “หุ้นกู้ผิดนัดชำระ” มาอย่างหนาหูมาก รวมไปถึงมีบางบริษัทตบแต่งงบการเงินและปล่อยหุ้นกู้ออกมา และเมื่อถึงเวลาที่ต้องคืนเงินหุ้นกู้ ก็ไม่มีเงินไปคืน

โดยทางสมาคมตราสารหนี้ไทยแจ้งว่า ปี 66 นี้ มีบริษัทที่ไม่สามารถชำระหุ้นกู้คืนทั้งหมด 3 บริษัท มูลค่ารวม 12,130 ล้านบาท และยังมีหุ้นกู้ที่ก่อนหน้านี้ผิดนัดชำระตั้งแต่อดีต และยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ซึ่ง ยังเป็นคดีความฟ้องร้องในศาล อีกทั้งบางรายพยายามขอฟื้นฟูกิจการแต่ยังไม่สำเร็จ และปีนี้มีบางรายที่ขอยืดชำระหนี้ไปแล้วอีก 14 บริษัท รวมมูลค่าประมาณ 12,700 ล้านบาท 

ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่อาจทำให้นักลงทุนเริ่มระมัดระวังการลงทุนมากขึ้นในช่วงนี้

อาทิ บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีลเวลลอปเม้นท์ มูลค่าหนี้ 2,416 ล้านบาท, บมจ.ช ทวี มูลค่าหนี้ 34.9 ล้านบาท, บมจ.บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น ที่ผิดชำระหนี้ 5 รุ่น มูลค่าหนี้กว่า 9,198 ล้านบาท รวมทั้ง บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ มูลค่าหนี้ 131 ล้านบาท ซึ่งรายนี้ขอยืดเวลาไถ่ถอนเพิ่มอีก 1 ปี และล่าสุด บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป ที่มีการผิดนัดชำระหุ้นกู้จากมูลค่าหนี้ 609 ล้านบาทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ทั้งนี้ หากมองในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ พบว่า มีหุ้นกู้นอนเรตติ้ง หรือหุ้นกู้ที่ไม่ถูกจัดอันดับความเชื่อถือที่จะครบกำหนดชำระหนี้มูลค่า 23,800 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รองลงมา เป็นกลุ่มธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการออกหุ้นกู้จำนวนมาก

ฉะนั้น หลังจากนี้จึงต้องจับตาตลาดหุ้นกู้อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดความเสี่ยงที่กลายเป็น “โดมิโนเอฟเฟกต์” ขึ้นได้เนื่องจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีกรออกหุ้นกู้จำนวนมากและถือเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงมากที่สุด โดยบริษัทที่ใกล้ถึงคิวชำระหุ้นกู้ช่วงที่เหลือของปีนี้ อาทิ บมจ.มั่นคงเคหะการ ที่หุ้นกู้มูลค่า 1,500 ล้านบาท, บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่หุ้นกู้มูลค่า 950 ล้านบาท, บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ ที่หุ้นกู้มูลค่า 950 ล้านบาท 

รวมไปถึง บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป ที่หุ้นกู้มูลค่า 1,500 ล้านบาท, บมจ.ไรมอน แลนด์ ที่หุ้นกู้มูลค่า 752 ล้านบาท, บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่หุ้นกู้มูลค่า 672 ล้านบาท และ บมจ.การบินไทย หุ้นกู้มูลค่า 1,000 ล้านบาทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง